History of the Shirt เปิดประวัติ “เสื้อเชิ้ต” – DGRIE

History of the Shirt เปิดประวัติ “เสื้อเชิ้ต” – DGRIE
.
รู้หรือไม่ว่า? ถ้านับตั้งแต่อดีต เสื้อเชิ้ตอาจจะมีมานานเกือบ 3000 – 5000 ปีก่อนคริสตกาล และไม่เคยหลุดจากความคลาสสิคไปได้ โดยตามบันทึกแล้ว คาดการณ์ว่า มีจุดเริ่มต้นอย่างเป็นทางการ ที่จำแนกว่าคือกลุ่มแฟชั่นที่เรียกว่าเสื้อเชิ้ตนั้น เมื่อราวๆ ปี ค.ศ 1700 เลยทีเดียวหล่ะครับ และในวันนี้เราพามาย้อนประวัติศาสตร์อันยาวนาน เรื่องราวแฟชั่นเสื้อเชิ้ตจากรุ่นสู่รุ่น จะมีเรื่องราวน่าสนใจแค่ไหน มาย้อนรอย ไปพร้อมๆกันกับดีกรีเลยครับ

.
เสื้อเชิ้ต ในยุคก่อนยุคกลางนั้น จะยัง ไม่มีแขนเสื้อ ไม่มีปก ไม่แต่งกระดุม รวมถึงช่วงแขน อีกทั้งยังไม่แต่งลวดลายบนผ้า ซึ่งจะมีชื่อเรียกสมัยนั้นว่า Tunic และได้ถูกพัฒนามาต่อมาเรื่อยๆ โดยใช้การเย็บและการนำชิ้นผ้า อย่าง เนื้อผ้าลินิน , ผ้าขนสัตว์ ที่ไม่ได้ผ่านการย้อมสี มาใช้ในการตัดเย็บ โดยการประกบกันคู่ด้านหน้าและด้านหลัง ซึ่งความยาวด้านหน้าจะสั้นกว่า และมีการจับจีบทั้งบริเวณด้านหน้าตัวเสื้อเชิ้ต รวมถึงแขนเสื้อเชิ้ตด้วยเช่นกัน
ต่อมา เมื่อราวๆ ปี ค.ศ 1700 เสื้อเชิ้ตถูกสวมใส่ เสมือนเป็น “ชุดชั้นใน” สำหรับเหล่าสุภาพบุรุษในอดีตเพียงเท่านั้น มีฟังก์ชั่นการสวมใส่ที่ ไม่แตกต่างจากเสื้อกล้าม และควรสวมใส่เข้ากับเสื้อแจ๊คเก็ตและเสื้อกั๊ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้ชายสมัยนั้น ต้องพบเจอหญิงสาว การใส่เพียงเสื้อเชิ้ตเดี่ยวๆ ในยุคก่อนหน้านั้น ถือเป็นเรื่องที่ไม่สุภาพเอามากๆ
.
ศตวรรษที่ 18 หน้าที่ของเสื้อเชิ้ตได้เปลี่ยนไป ไม่ได้ถูกสวมใส่ เพื่อเป็นชุดชั้นในอีกต่อไป เริ่มมีการ ตกแต่งรายละเอียดด้วยลูกไม้ ปักริบบิ้นสีเงินและสีทอง เพื่อเสริมความหรูหรา เพราะเริ่มถูกสวมใส่ ในกลุ่มคนมีฐานะ เพราะต้องซักรีดทุกวัน โดยเฉพาะเสื้อเชิ้ตสีขาว ให้ความสง่างามในสมัยนั้นอย่างมาก
ศตวรรษที่ 19 ความเป็น Tailor made เริ่มเข้ามามีบทบาทมากยิ่งขึ้น จนได้รับความนิยมในยุคนั้น แต่ก็จะเน้นใส่ ในกลุ่มชนชั้นสูง เสื้อเชิ้ตถูกปรับแต่งให้เข้ากับสรีระร่างกายมากขึ้น เนื้อผ้าที่นำมาตัดเย็บก็จะมีความละเอียดมากยิ่งขึ้น มีการแต่งด้วยกระดุม และปกคอเสื้อเชิ้ตแบบถอดได้ และมีการแบ่งแยกชนชั้นด้วยโทนสีปก ว่าผู้สวมใส่อยู่ในชนนั้นใด กลายเป็นไอเทมการแต่งตัวที่ให้ความหรูหรา และทางการอย่างเต็มรูปแบบ มีความร่วมสมัยมากยิ่งขึ้น และใช้บ่งบอกสถานะทางสังคมได้เป็นอย่างดี
.
เข้าสู่ ค.ศ 1920 – 1960 กระแสแฟชั่นการแต่งกายก็เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น เสื้อเชิ้ตในโทนสีอ่อนและสีเบจ ดูเหมือนจะเป็นแฟชั่นยอดนิยม ผลิตจากเนื้อผ้าที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แบบไม่มีการย้อมสีใดๆ จุดเด่นคือ ความบางเบา สวมใส่สบาย คงทน แต่จะมีไซส์ที่ค่อนข้างใหญ่ ต่อมาได้มีการพัฒนา ให้มีขนาดที่ดูเข้ารูปเข้าทรง และมีการออกแบบปกที่ไว้ใส่ในงานทางการ โดยที่จะต้องผูกด้วยเนคไทร่วมด้วยทุกครั้ง ถือเป็นการแต่งตัวที่มีรสนิยมในสมัยนั้น
.
ส่วนในยุคนี้ ต้องบอกว่า เสื้อเชิ้ตเป็นเครื่องแต่งกายที่ให้ความสง่างามเช่นเดิม ที่ใครๆก็ต้องมีไว้ใส่ไว้แต่ง ทุกเจเนอเรชั่น! ไม่ว่าจะในโอกาสใดๆ ก็ตาม ให้ลุคลำลองก็ดูสบาย หรือยกระดับแฟชั่นแบบทางการสุดก็ทำได้ดี และดูเหมือนว่า จะมีดีไซน์ที่ให้ความคลาสสิค ถูกหยิบเอามาใส่และไม่เคยตกเทรนด์ ทำให้เป็นแฟชั่นติดตู้เสื้อผ้าของหนุ่มๆ อีกทั้งยังคงเป็น แฟชั่นจำเป็นจนถึงทุกวันนี้
.
ได้ทราบถึงประวัติศาสตร์และเรื่องราวน่ารู้ เกี่ยวกับเสื้อเชิ้ต ที่ดีกรีมีมาฝากกันในวันนี้กันแล้ว หากคุณมีเสื้อเชิ้ตสไตล์โปรดแล้วหล่ะก็ อย่ารอช้า!ที่จะนำเสื้อเชิ้ตมามิกซ์แอนด์แมตซ์ ด้วยแฟชั่นที่ชื่นชอบ – แต่หากยังไม่มี ลองมองหาแฟชั่นเสื้อชิ้ต คัตติ้งสวย คุณภาพดีจากแบรนด์ดีกรีได้เลยครับ กับส่วนลดเสื้อเชิ้ตโปรโมชั่นพิเศษ สูงสุด [70%] ได้ที่ลิงค์ด้านข้างนี้เลย >> https://lin.ee/n1ieBic >> DGRIE | Official: @Dgrie / https://www.dgrie.com/blog
.
DGRIE BESPOKE, CUSTOM MADE SUITS, PANT, SHIRT , OVERCOAT
#ร้านตัดสูท ตัดเชิ้ต และ #ตัดกางเกง, ตัดเสื้อโค้ท #DGRIE #BESPOKE #SUITS BANGKOK
ตัดสูท คุณภาพ ด้วยผ้านำเข้าจาก อังกฤษและ อิตาลี
“ตัดสูท ตัดเชิ้ต ตัดกางเกง คุณภาพด้วยผ้าชั้นเลิศ”
“ควบคุมการผลิตด้วยโรงงานของเราเอง”
#สูทเจ้าบ่าว #สูทงานแต่ง #ตัดสูทเจ้าบ่าว ตัดสูทเพื่อนเจ้าบ่าว
สูทสั่งตัดเริ่ม 6,900 บาท
[CONTACT US] LINE: @Dgrie
สาขาที่ให้บริการ
————————
DGRIE SATHORN
สาขาสาทร นราธิวาสราชนครินทร์ ซอย 15 หัวมุมติดถนนใหญ่
0893550555
เปิด 11.00-20.00น.
Google Map: DGRIE SATHORN
https://goo.gl/maps/q3hANKBHV5v
————————-
DGRIE SIAMSQUARE SOI 2
สยามสแควร์ ซอย 2
026584899
เปิด 11.30-20.30น.
Google Map: DGRIE SIAM
https://goo.gl/maps/qMuiKk1t1UL2
————————-
“WE ALSO CARRY WELL KNOW BRANDS SUCH AS VITALE BARBERIS CANONICO, HOLLAND & SHERRY, DORMEUIL, GUABELLO, MARZONI, BAIRDMCNUTT IRISH LINEN, HARRISONS OF EDINBURGH, DRAPERS, TALLIA DI DELFINO, SCABAL, THOMAS MASON, Piacenza 1733, Ermenegildo Zegna, Loro piana “